มือของเรานั้นจะต้องอยู๋ในท่า มุทรา คือการนำมือซ้ายวางบนมือขวา ให้ข้อกลางของนิ้วกลางอยู่ด้วยกัน นิ้วโป้งแตะกันเบาๆ เหมือนดั่งคีบกระดาษแผ่นไว้ มือทั้งสองจะเป็นวงรีสวยงาม จะต้องทำท่ามุทรานี้ด้วยความใส่ใจอย่างยิ่ง เหมือนกับว่ากำลังถือของที่มีค่าไว้มากๆ มือวางชิดตัว นิ้วโป้งอยู่ระดับสะดือ แขนสองข้างทิ้งลงสบายๆ กางออกเล็กน้อย เหมือนกับว่ากำลังหนีบไข่ไว้ใต้แขน โดยไม่ให้แตก

ลำตัวนั้นจะต้องไม่เอียงตัวไปด้านข้าง ด้านหลังหรือด้านหน้า แต่ให้นั่งตัวตรง เหมือนกับว่าศีรษะเทินท้องฟ้าอยู่ นี่ไม่ได้เกี่ยวกับแค่ท่านั่งหรือการหายใจเท่านั้น แต่เป็นการแสดงถึงหลักสำคัญของพุทธศาสนา เป็นการแสดงถึงความเป็นพุทธะโดยธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าต้องการเข้าใจในพุทธศาสนาอย่างแท้จริงต้องฝึกนั่งแบบนี้ ท่าเหล่านี้ไม่ได้เป็นวิธีที่จะทำให้เรามีสถานะทางจิตที่ถูกต้อง การที่อยู่ท่านี้คือจุดประสงค์ของการปฏิบัติของเราในการที่อยู่ท่านี้ เราจะอยู่ในสถานะทางจิตที่ถูกต้องอยู่แล้ว เพราะฉนั้นไม่จำเป็นต้องพยายามขวนขวายสถานะพิเศษอะไรอีก

เมื่อพยายามที่จะบรรลุบางสิ่งบางอย่าง จิตของเราจะเริ่มเพ่นพ่านไปที่อื่น แต่เมื่อเธอไม่ได้พยายามจะทำให้ตัวและจิตอยู่ตรงนี้ อย่างที่พระอาจารญ์เซนท่านหนึ่งบอกว่า จงฆ่าพระพุทธเจ้า เพราะว่าถ้ามัวแต่คิดถึงแต่พระพุทธเจ้าจะทำให้เรานั้นไม่เป็นธรรมชาติของตัวเราเอง ที่ต้องฏ่าพระพุทธเจ้าเสีย หากพระพุทธเจ้าอยู่ที่อื่น จะทำให้เรานั้นกลับเข้ามาเป็นธรรมชาตของตัวเราเอง

การทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็คือการแสดงออกถึงธรรมชาติของเราเอง เราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งอื่นสิ่งใดทั้งสิ้น เรามีชีวิตอยู่เพื่อตัวเราเองนี่คือพื้นฐานของคำสอนที่แสดงออกในท่าต่างๆ ที่เราปฏิบัติ เช่นเดียวกับการนั่งในเชนโดหรือสำนักเซน เรามีกฎเกี่ยวกับการยืนเช่นกัน จุดประสงค์ของกฎเหล่านี้ไม่ได้เพื่อที่จะทำให้ทุกเหมือนกัน แต่เพื่อให้แต่ละคนแสดงความเป็นตัวของตัวเองอย่างอิสระ ตัวอย่างเช่น พวกเราแต่ละคนมีวิธีการยืนของตัวเอง ดังนั้นท่ายืนจึงขึ้นอยู่กับสัดส่วนของเร่างกายของแต่ละคน

 

สนับสนุนโดย  เวปเจตใหม่