0
ช้อปปิ้งแบรนด์เนมราคาประหยัดที่ฮ่องกง

ใครๆต่างก็อยากใช้สินค้าแบรนด์เนม แต่ว่าการใช้สินค้าแบรนด์เนมก็ต้องแลกกับการใช้เงินซื้อที่มากโขอยู่ กว่าจะได้มายลโฉมแต่ละชิ้น วันนี้จะมาแนะนำวิธีที่ได้ใช้แบรนด์เนมแต่ราคาประหยัดที่ฮ่องกง

ร้านสะดวกซื้อ เป็นที่แรกที่จะพาไป อันนี้ไม่ได้ตั้งใจกวนแต่อย่างใดแต่จะบอกว่าที่ฮ่องกง 7-Eleven หรือ Circle K จะมีของแบรนด์ในราคาไม่กี่สิบบาทได้เลย นั่นก็คือ…ของแถมที่ติดมากับนิตยสารนั่นเอง ถึงแม้จะเป็นแค่ของแถม และวัสดุอาจจะไม่เนี๊ยบเท่าของชิ้นใหญ่ แต่ว่าก็ได้ของ Limited และเก๋ๆ เป็นแบรนด์เนมของแท้แน่นอน

ร้านที่สองคือ ร้าน Twist Pop Up Store

ร้านแห่งนี้มีทั้งรองเท้า กระเป๋า กระเป๋าสตางค์ใบเล็ก ใหญ่ ยาว มีหมด เข็มขัด ผ้าเช็ดหน้า เรียกว่าแบรนด์เนมขนมาเต็มโดยเฉพาะแบรนด์ Chanel, Hermes ถ้าเป็นรุ่นปัจจุบัน ลดจากราคาปกติถึง 15 เปอร์เซนต์ หรือถ้าเป็นรุ่นที่ไม่ได้เป็นรุ่นปัจจุบัน ในตอนนั้น ก็ลดถึง 60-70 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว แล้วแต่จังหวะว่าจัดโปรโมชั่นแบบใดในช่วงนั้นๆ นอกจากนี้แบรนด์ระดับรองลงมาเช่น Tod’s ที่เป็นแบรนด์รองเท้าหรือ Mulberry ก็มีมาบางเหมือนกัน แต่อาจจะมาแค่บางรุ่นบางสีเท่านั้น

ร้าน Hannah

เป็นร้านที่มีคอนเซปต์เก๋ไก๋ เน้นขายเฉพาะของให้เท่านั้น สินค้าหลักๆจะเป็นพวกกระเป๋า เสื้อผ้า และเครื่องประดับ ซึ่งมีเกือบทุกแบรนด์ในยุโรป แต่ว่าบางจังหวะอาจจะมีของขาดตลาดบ้าง ต้องไปเช็คกันเป็นระยะๆ ราคาไม่สูงเท่าช้อปแบรนด์จริง อีกทั้งบรรยากาศก็เป็นมิตรกว่า เพราะถ้าเป็นช้อปจริง เช่น Hermes, MCM มักจะมีพนักงานขายคอยเดินตามประกบ ซึ่งอาจทำให้เราเกร็งได้ นอกจานี้ตรงถนน Haiphong ก็มีชอป outlet ลดราคากระหน่ำถึง 80 เปอร์เซนต์อีกด้วย

The Bazaar

เป็นร้านที่อยู่บนห้าง Time Square และอีกสาขาที่ Wharf T & T Centre เวลาไปเราต้องเช็คข้อมูลให้ดีเพราะการที่มีสองสาขานี้เอง ถ้าวันใดร้านนนึงเปิด อีกร้านจะไม่เปิด ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ว่าหลักๆแล้ว จะเป็นลักษณะเหมือน Warehouse ให้เช่ามากกว่า แบรนด์ดังๆมักจะเช่า มาขายลดราคา โปรโมชั่น หมุนเวียนเปลี่ยนแบรนด์กันไปเรื่อยๆ มีสินค้าหลากหลายประเภทไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละสัปดาห์ จึงควรเช็คข่าวสารให้ดีก่อนมาช้อปที่นี่

 

สนับสนุนโดย  sagameผ่านมือถือ

0
ไม่อยากหมดตัว ตั้งสติก่อนช้อป        

ตอนนี้ใกล้ปีใหม่แล้ว ดังนั้นช่วงนี้จึงถือว่าเป็นฤดูกาลแห่งการช้อปปิ้งก็ว่าได้  กลายเป็นทำเนียมไปแล้วว่าถ้าปีใหม่ต้องมีของขวัญแจกญาติพี่น้อง เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ลูกค้า ดังนั้นทุกคนก็จะเริ่มมองหาแหล่งช้อปปิ้งที่ราคาถูกแต่สินค้าดีมีคุณภาพ เพราะต้องซื้อเยอะมากมายเหลือเกิน หลายๆคนเลือกการช้อปปิ้ง online เพราะจะมีโปรโมชั่นออกมามากมายเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น มหกรรมช้อปออนไลน์ประจำเดือน เช่น  08.08 คือช้อปปิ้ง วันที่ 8 เดือน 8ได้ในราคาถูกกว่าวันปกติ   หรือ09.09 ช้อปปิ้งวันที่ 9 เดือน 9 แล้วลดเยอะ

หรือวันนี้ 11.11 ทุก application ต่างออกโปรโมชั่นส่วนลดในวันต่างๆเหล่านี้ออกมาเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งจะทำให้มีผู้คนเป็นจำนวนมากสนใจ และเข้ามารอเพื่อกดดูสินค้าที่อยากได้แล้วซื้อเลย โดยที่ไม่ยั้งคิดเลยว่าสินค้าชนิดนั้นซื้อมาแล้วจะได้ใช้งานหรือเปล่า แต่คนส่วนใหญ่จะมองว่าซื้อมาก่อนแล้วกัน ใช้ไม่ใช้ค่อยคิดอีกที่

เพราะซื้อตอนนี้ราคาจะถูก ถ้าเกิดไม่ซื้อแล้วจำเป็นต้องใช้ ไปซื้อตอนนี้จะเสียเงินเยอะกว่า เมื่อมีความคิดแบบนี้ดังนั้นการซื้อของทั้งที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้งานจึงเกิดขึ้น ที่สำคัญขณะนี้มี app ที่ชื่อ shop back เป็นการซื้อของผ่าน app นี้แล้วได้เงินคืน ทำให้ผู้คนต่างสนใจ และมีการเข้าไปซื้อสินค้ากันเป็นจำนวนเพราะมีจะมีการคืนยอดเงินให้ถ้ามีการซื้อของผ่าน app นี้

การทำแคมเปญต่างๆออกมาเพื่อเชิญชวนขาช้อปออนไลน์ทั้งหลายเป็นการกระตุ้นให้คนใช้จ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์มากยิ่งขึ้น ทั้งมีการลดแลกแจกแถม เรียกได้ว่าถ้าใจไม่แข็งพอก็สามารถล้มละลายได้อย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่อยากจะเตือนสติเหล่านักช้อปทั้งหลายก็คือ ให้ช้อปปิ้งอย่างมีสติ แล้วคุณรู้หรือยังว่าการช้อปปิ้งอย่างมีสติต้องทำอย่างไร 

  1. จดรายการสินค้าที่จำเป็นต้องใช้งานแล้วซื้อเฉพาะที่เราจดไว้  ไม่ใช่ซื้อเพราะอยากได้ 
  2. ก่อนกดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ควรตรวจสอบสินค้าข้างนอกก่อนว่าราคาต่างกันมากหรือไม่ ใน app อาจจะถูกก็จริงแต่รวมค่าขนส่งแล้ว ราคาอาจจะแพงกว่าที่ต้องไปซื้อที่ร้านเองก็ได้ หรือ app ที่ขายของ onlineปัจจุบันนั้นมีหลาย app สินค้าชนิดเดียวกัน แต่ละ app อาจราคาต่างกันได้ ลองเลือกเข้าไปเปรียบเทียบราคาสินค้าของแต่ละ app ก่อนตัดสินใจซื้อ
  3. ไม่จำเป็นต้องซื้อทุกแคมเปญที่ที่ลดราคาก็ได้ เลือกซื้อเฉพาะของที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ เพราะบางคนไม่ได้ต้องใช้งานแต่เห็นว่ามีแคมเปญลดออกมาแล้วเข้าไปดูสักหน่อย เจอของล่อตาล่อใจเข้าไปมาดูเงินในกระเป๋าอีกทีอาจแฟบได้

 

 

สนับสนุนโดย  sagame

0
นายกบางแสนสั่งปิดชายหาดบางแสนด่วนเนื่องจากนักท่องเที่ยวทะลักล้นหาด

       ซึ่งจะมีการประกาศออกไปว่ามีการเปิดให้เที่ยวบริเวณชายหาดบางแสนได้แล้วเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนปีพศ. 2563 มีเองโดยมีการวางกดไว้อย่างแน่นหนาเกี่ยวกับเรื่องของการท่องเที่ยวริมชายหาดเรื่องของการห้ามนำเครื่องดื่มที่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มานั่งกินบริเวณริมชายหาดและการห้ามนำของมาขายบริเวณริมชายหาดรวมถึงการท่องเที่ยวบริเวณริมชายหาดนั้น

จะต้องมีการเว้นระยะห่างระหว่างกันประมาณ 1.5 เมตรถึง 2 เมตรที่สำคัญทุกคนจะต้องมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยโดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการและคอยดูแลอยู่บริเวณริมชายหาดบางแสนแต่ปรากฏว่าเมื่อมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวได้จริงๆมีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศต่างก็ขับรถพากันมาที่บริเวณชายหาดบางแสนจะมาพักผ่อนหย่อนใจทำให้ถนนที่บริเวณชายหาดบางแสนนั้น

รถติดยาวหลายกิโลเมตรเลยทีเดียวรวมถึงมาตรการต่างๆที่มีการสั่งให้ทำนักท่องเที่ยวก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากว่ามีคนมาท่องเที่ยวที่ชายหาดบางแสนเป็นปริมาณเยอะมากทำให้การนั่งวินระยะห่างระหว่างกันนั้นทำไม่ได้และที่สำคัญตามจำนวนที่มีการตรวจสอบดูพบว่าร้อยละ 90 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดนั้นไม่มีใครสนใส่หน้ากากอนามัยเลยบริเวณที่จอดรถของชายหาดบางแสนก็แน่นขนัดไปด้วยรถเป็นจำนวนมาก

ทำให้นายกเทศมนตรีเมืองบางเมืองพัทยาต้องออกมาจัดการเรื่องนี้ด้วยการออกประกาศผ่านทาง Facebook ของเมืองพัทยาและ Facebook ส่วนตัวของนายกเองว่าจะขอไปชายหาดบางแสนเป็นการชั่วคราวก่อนเพราะตอนนี้ตามตรอกซอกซอยของชาวบ้านที่อยู่บริเวณชายหาดบางแสนนั้นหนาแน่นไปด้วยรถของนักท่องเที่ยวตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลหาดบางแสนอยู่กำลังทำการเคลียร์พื้นที่โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้หลายคนมองว่าหาคนมาเล่นน้ำเยอะขนาดนี้และไม่มีการป้องกันใดๆเลย

เชื่อแน่นอนว่าการระบาดไวรัสโคโรน่ารอบ 2 กลับมาแน่นอนและการกลับมาในครั้งนี้ผู้คนจะมีการติดเชื้อไวรัสกันเป็นจำนวนมากและแน่นอนว่านอกจากจะต้องกักตัวเองอยู่แต่ในบ้านแล้วยังไม่มีอะไรกินอีกด้วยเพราะเงินที่รัฐบาลนั้นนำมาแจกจ่ายประชาชนนั้นหมดลงไปแล้วถ้าหากต้องไปกู้เงินรอบ 2 มาก็คงจะไม่มีเงินเอามาให้ประชาชนอีกแล้วดังนั้นทางด้านนายกคลองหาดบางแสนเองก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่าอยากจะให้ทุกคนที่มาท่องเที่ยวนั้นช่วยกันรักษากฎเกี่ยวกับเรื่องของการท่องเที่ยวไว้เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรน่ากลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง

          สำหรับการท่องเที่ยวริมทะเลตอนนี้มีหลายที่มากที่นักท่องเที่ยวต่างพากันเดินทางไปเที่ยวเนื่องจากว่าเป็นช่วงที่ลูกหลานยังคงปิดเทอมอยู่และบางคนก็ไม่มีงานทำและเบื่อกับการที่ต้องอยู่แต่บ้านมาเป็นระยะเวลาหลายเดือนทำให้หลายคนจึงต้องการปลดปล่อยด้วยการออกไปเที่ยวทำให้สถานที่ท่องเที่ยวตามที่ต่างๆนั้นมีคนท่องเที่ยวหนาแน่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8

0
ทำงาน Delivery อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด -19

     ได้ว่างานบริการส่งอาหารนั้นเป็นงานที่ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษอยู่ในขณะนี้และเป็นงานที่สามารถสร้างรายได้ให้กับพนักงานเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าในขณะนี้มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19ประชาชนส่วนใหญ่จึงมักจะมีการสั่งอาหารแทนที่จะเดินทางออกไปทานอาหารนอกบ้านและด้วยมาตรการการดูแลประชาชนของรัฐบาลที่มีการประกาศออกมาเกี่ยวกับเรื่องของการให้ประชาชนทำงานอยู่ที่บ้าน

รวมถึงมีโครงการให้ประชาชนอยู่ในบ้านออกนอกบ้านให้น้อยที่สุดดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่ที่พอมีฐานะและไม่สะดวกที่จะทำอาหารกินเองจึงมักจะใช้บริการเดลิเวอรี่ซึ่งบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ก็คือบริการของ Grab food รวมถึงร้านอาหารบางร้านอาจจะใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างในการที่จะส่งอาหารให้กับลูกค้า

ดังนั้นทางพนักงานที่มีการจัดส่งอาหารเองก็ควรจะมีมาตรการดูแลตนเองในการที่จะให้บริการกับลูกค้าเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่ตนเองอาจจะติดเชื้อไวรัสโควิด -19ในขณะที่มีการทำงานบริการแบบนี้ได้โดยขั้นตอนการดูแลตนเองง่ายๆมีดังนี้คือ

        พนักงานจะต้องมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่มีการทำงานโดยเริ่มใส่หน้ากากอนามัยออกนอกบ้านเพื่อที่จะได้เป็นการลดความเสี่ยงในการที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด -19ระหว่างทางและระหว่างการทำงานที่สำคัญหากเป็นไปได้ควรสวมถุงมือเพราะระหว่างที่เรามีการรับ Order จากร้านค้าเพื่อไปส่งให้กับลูกค้านั้นมีความเสี่ยงเป็นไปได้มากในการที่อาจจะไปเผลอโดนเชื้อโร

คจากทางร้านค้าก็ดีหรือจากทางด้านบ้านของลูกค้าก็ดีดังนั้นการสวมใส่ถุงมือจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะลูกค้าเองก็จะได้สบายใจที่เห็นพนักงานส่งอาหารมีการดูแลตัวเองด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยและใส่ถุงมือหากพนักงานคนไหนมีลักษณะอาการของการมีน้ำมูกไอจามหรือแม้แต่มีไข้เหนื่อยหอบควรจะมีการหยุดการส่งอาหารแล้วไปโรงพยาบาล

เพื่อให้แพทย์ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด -19 ควรจะมีการจัดหาอุปกรณ์เช่นกล่องใส่อาหารวางไว้ท้ายรถขนส่งอย่างมิดชิด เพื่อที่เวลาได้รับอาหารมาจากร้านค้าแล้วก่อนนำไปส่งลูกค้าเราสามารถนำอาหารนั้นใส่ในกล่องที่เราเตรียมไว้เพื่อป้องกันฝุ่นละอองหรือเชื้อโรคที่มาจับอาหารก่อนที่จะส่งมือลูกค้า ที่สำคัญกล่องที่ใส่บรรจุอาหารให้กับลูกค้านั้นควรจะมีการฉีดพ่นสเปรย์ยาฆ่าเชื้อก่อน

ที่จะมีการใส่อาหารให้กับลูกค้าและเมื่อเรารับเงินทอนจากลูกค้าแล้วเราควรจะมีการใช้เจลล้างมือเพื่อฆ่าเชื้อโรคด้วยบ่มีความเป็นไปได้ว่าเชื้อโรคอาจจะอยู่ตามธนบัตรที่ลูกค้าส่งให้เรามาหรือร้านค้าที่ส่งให้เรามาก็ได้ดังนั้นการดูแลรักษาตัวเองจึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่งในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 

 

ได้รับการสนับสนุนมาจาก  เว็บพนันออนไลน์

0
จับวัยรุ่นอายุ 19 ปีหลอก ซื้อของแล้วจ่ายสินค้าด้วยแบงค์กาโม่

   หากพูดถึงเรื่องแบงค์กาโม่เราต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีว่าเป็นกระดาษสี่เหลี่ยมที่มีลักษณะคล้ายกับธนบัตรของเราเพียงแต่อีกด้านนึงนั้นจะเป็นรูปตัวการ์ตูนซึ่งเด็กๆนิยมเอามาเล่นกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อมีวัยรุ่นคนนึงนั้นได้นำแบงค์กาโม่นี้ไปใช้ซื้อสินค้าหลังจากนั้นก็ขโมยทรัพย์สินของผู้เสียหายมา จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสนบางนาได้ทำการเข้าจับกุมตัวชายวัยรุ่นคนหนึ่งอายุ 19 ปีได้ที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับเหล็กอยู่แถวซอยเทพารักษ์ 66

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมชายคนดังกล่าวเนื่องจากว่ามีผู้ติดต่อเข้ามาแจ้งให้ดำเนินคดีกับชายคนดังกล่าวในข้อหาชิงทรัพย์โดยชายคนดังกล่าวนั้นชื่อว่านายศิริพงษ์ให้การรับสารภาพโดยเข้าด้วยล่ะว่าเขาเพิ่งมาเป็นพนักงานที่บริษัทเหล็กได้เพียงแค่ไม่นานก่อนหน้านี้เขาเป็นคนติดการพนันออนไลน์และที่สำคัญคือเขาติดยาเสพติดด้วยอะไรจึงต้องการหาเงินมาใช้เล่นการพนันและซื้อยาเสพติด

ส่วนวิธีการที่เขาใช้หาเงินนั้นเขาจะใช้วิธีการที่เปิด Facebook ขึ้นมาหลังจากนั้นก็ติดต่อร้านค้าออนไลน์ขอสั่งซื้อสินค้าซึ่งจะเน้นสินค้าที่เป็นสินค้าต้องนำมาส่งเลยเห็นหน้ากันแล้วถึงจะจ่ายเงินและเมื่อมีการนัดเจอกันเขาก็จะมีการจ่ายเงินด้วยแบงค์กาโม่ซึ่งจะมีการพันไว้อย่างดีทำให้เจ้าของสินค้านั้นไม่เห็นว่าแบงค์ดังกล่าวนั้นเป็นแบงค์กาโม่และเมื่อได้ทรัพย์สินแล้วเขาก็จะขับรถหนีไปเลย

เจ้าของจะรู้ภายหลังว่าเงินที่ได้ไปนั้นเป็นเงินปลอมซึ่งเขาก่อเหตุมาแบบนี้แล้วหลายครั้งและทุกๆครั้งเขาก็จะสามารถหนีรอดได้เนื่องจากทางเจ้าทุกข์ไม่มีใครไปแจ้งความนั่นเองส่วนรายล่าสุดนั้นเขามีการสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือและนัดเจอกันตรงบริเวณท่ารถเมล์เมื่อเข้าไปถึงก็มีการยื่นเงินให้แล้วก็กระชากโทรศัพท์มือถือออกจากเจ้าของโทรศัพท์

หลังจากนั้นเขาก็ขับรถหนีไปซึ่งเจ้าของโทรศัพท์นั้นพบว่าเงินที่ได้มาเป็นเงินกาโม่จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการหาข้อมูลจากกล้องวงจรปิดตรงบริเวณที่เกิดเหตุแล้วสามารถพบว่าผู้ก่อเหตุนั้นไปทางไหนหลังจากนั้นจึงเข้าจับกุมตัวนายศิริพงษ์ดังกล่าว

           สำหรับขั้นตอนการขโมยนั้นนายสุรพงษ์แจ้งว่าลอกเลียนแบบมาจากการชมภาพยนตร์ต่างประเทศซึ่งเขาจะนิยมดูและนำมาใช้โดยเขาจะเน้นดูภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับเรื่องของการปล้นขโมย สำหรับปัจจุบันนี้นั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการส่งตัวนายศิริพงษ์เข้าไปฝากขันไว้เรียบร้อยแล้ว

 

สนับสนุนโดย  sagame เอเชีย

0
พนักงานแกร็บ ทวงถามเหตุที่ห้างดังในเมืองพัทยาห้ามใส่เสื้อแกร็บเข้าห้าง

พนักงานแกร็บ ทวงถามเหตุที่ห้างดังในเมืองพัทยาห้ามใส่เสื้อแกร็บเข้าห้างเพราะกลัวโรคโควิด-19 เป็นการแบ่งชนชั้นหรือไม่

            กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับกรณีพนักงาน Grab ซึ่งปัจจุบันนี้ประชาชนส่วนใหญ่จะใช้บริการในการขนส่งอาหารจากพนักงาน Grabเป็นส่วนใหญ่โดยพนักงาน Grabนั้นก็จะไปรับอาหารตามร้านที่ลูกค้าได้มีการสั่งจองเอาไว้หลังจากนั้นก็จะนำไปส่งให้กับลูกค้าซึ่งแต่ละเดือนหรือแต่ละสัปดาห์นั้นเรามักจะเห็นข่าวเกี่ยวกับเรื่องของพนักงาน Grab มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของร้านค้าที่ไม่อนุญาตให้พนักงานเข้าไปในร้านต้องรออยู่ข้างนอกแล้วแดดร้อนหรือแม้แต่ที่พนักงานแก๊สมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการส่งให้กับลูกค้า

ซึ่งบางครั้งก็มีการทะเลาะกับลูกค้าหรือบางครั้งนำของไปส่งให้ลูกค้าโดยสั่งของไม่ตรงกับร้านที่ลูกค้าสั่งหรือบางครั้งลูกค้าก็สั่งอาหารแล้วไม่ยอมจ่ายเงินแต่ละปัญหาที่ชาว Grabนั้นมีมากหลายสาเหตุด้วยกันแต่ในขณะนี้เกิดมีเหตุใหม่ล่าสุดขึ้นซึ่งกำลังมีการใช้และมีการถกเถียงกันเป็นอย่างมากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่พนักงาน Grab เจอนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่ห้างดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองของพัทยา

เมื่อพนักงาน Grab ได้รับคำสั่งจากลูกค้าให้ตัวเองซื้อสินค้าภายในห้างก็กดว่าเมื่อกำลังจะเปิดประตูห้องเข้าไปมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยออกมาขวางทางไว้โดยไม่ยอมให้พนักงานเข้าไปในห้างซึ่งบอกแต่เพียงว่าหากจะเข้าห้างได้นั้นจะต้องมีการถอดเสื้อ Grab ออกเสียก่อนจึงจะสามารถเข้าไปในห้างได้โดยเป็นนโยบายของทางห้าง

ซึ่งจะเป็นการป้องกันการที่พนักงานแก๊สอาจจะมีการนำเชื้อโรคเข้ามาภายในห้างได้ซึ่งพนักงานจึงได้มีการถ่ายคลิปเอาไว้รวมถึงเอามาทวงถามกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าทำไมถึงมีการแบ่งชนชั้นวรรณะการณ์เช่นนี้ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยเข้ามารับสินค้าภายในห้างส่งออกไปให้ลูกค้ารวมถึงลูกค้าที่อยู่ในห้างใหญ่จะซื้อของจากข้างนอกแล้วให้มาส่งที่ ห้างพวกเขาก็สามารถทำได้ก่อนที่จะเกิดมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นไม่เห็นมีใครสั่งห้ามอะไรเลยแต่พอหลังจากที่มีการระบาดและมีการเปิดให้ทั้ง 5

เปิดให้บริการตามปกติได้กับมีปรากฏการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซึ่งไม่ใช่พนักงาน   Grab แค่คนเดียวเท่านั้นที่เจอเหตุการณ์แบบนี้แต่มีพนักงาน Grab หลายคนแล้วที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นซึ่งหลายคนออกมาเรียกร้อง ให้ออกมาตอบคำถามพวกเขาว่าเหตุใดถึงต้องทำกับพวกเขาแบบนี้เหมือนเป็นการแบ่งชนชั้นกันทั้งที่ทุกคนก็เป็นคนเหมือนกันอย่างไรก็ดียังไม่มีผู้บริหารของทางห้างออกมาให้เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น 

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน ออนไลน์

0
ร่มอะไรราคาแพงเว่อร์

          ไม่ว่าจะแดดออก หรือฝนตก สิ่งที่ช่วยไม่ให้เราต้องเปียกฝน หรือกันความร้อนให้เราได้ดีก็คือ ร่ม  เป็นปัจจัยที่มีความจำเป็นอย่างมากในปัจจุบัน มองไปทางไหนก็มีแต่คนพกร่ม ถึงแม้จะไม่ใช่หน้าฝนก็ขอพกร่มไว้ก่อน

เผื่อกรณีฉุกเฉินที่สำคัญอากาศเมืองไทยร้อนมากมาย  ร่มจึงสิ่งที่มีความจำเป็นเป็นอย่างมาก  ร่มมีหลายแบบหลายลวดลาย และผู้คนใส่ใหญ่ที่พกร่มเป็นประจำ จะเน้นความสวยงามของร่มด้วย เพราะถึงเป็นหน้าตาของเราอย่างหนึ่งเลยที่เดียว  ปัจจุบันมีแบรนด์สินค้าดังๆหลายแบรนด์มีการผลิตร่มออกมาจำหน่าย เรามาดูกันค่ะว่ามีแบรนด์ไหนบ้าง และราคาร่มแบรนด์จะแพงสักแค่ไหน 

          1.แบรนด์  Pasotti  เป็นแบรนด์ของประเทศอิตาลี เน้นจุดเด่นที่ด้ามจับเป็นรูปหัวกระโหลด ซึ่งเหมาะให้ผู้ชายใช้งาน ต่อมาจึงเริ่มผลิตลายดอกไม้ที่มีด้ามจับที่เหมาะกับผู้หญิง และเพิ่มความหรูหราด้วยการติดอัญมณี ส่วนราคาก็หรูตามร่มคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ  7000 บาทหรือประมาณ 200 ยูโร

          2.แบรนด์ James Smith & Sons แบรนด์นี้เป็นผู้ดีของประเทศอังกฤษ สำหรับแบรนด์นี้ จุดเด่นเน้นความเรียบง่าย เน้นเก็บรายละเอียดตรงด้ามจับและใช้สีพืนเป็นสีดำ ส่วนราคาไม่สูงมากนักคิดเป็นเงินไทยประมาณ 4000 บาทหรือประมาณ 95-100 ปอนด์

  1. แบรนด์ Francesco Maglia   เป็นแบรนด์เก่าแก่ของประเทศอิตาลี อายุร้อยกว่าปีเป็น แบรนด์ระดับลักชัวรี่ เป็นงานแฮนเมด ผลิตจากผ้าไหมอิตาเลียน ส่วนด้ามจับเป็นไม้ มีทั้งไม้วอลนัท เชอร์รี่วู้ด หรือแม้แต่ไม้ไผ่ ส่วนราคาไม่ต้องพูดถึงสามาถซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมได้เลยทีเดียว  ราคาเริ่มต้นคิดเป็นเงินไทยประมาณ 9000 บาทหรือ 250 ยูโรนี่เป็นราคาสำหรับรุ่นปกติเท่านั้น แต่ถ้าเป็นรุ่นซิกเนเจอร์เป็นเงินไทยจะประมาณ 25000 บาทหรือ 700 ยูโรเลยดีเดียว นอกจากนี้ มีเวิร์กช็อปพิเศษและงาน Bespoke ที่ราคาร่มจะดีดขึ้นไปอีกอย่างน้อยก็ 20 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์
  2. แบรนด์ Alexander McQueen  เป็นแบรนด์หรูของผู้ดีอังกฤษอีกแบรนด์ จุดเด่นของแบรนด์นี้คือ มีสัญลักษณ์เป็นรูปหัวกะโหลกที่มีซิกเนเจอร์เป็นเพชร แต่ก็มีแบบธรรมดาที่เป็นเงินกับทอง  ตกแต่งตรงด้ามจับ ส่วนตัวร่มและด้ามจับจะเป็นสีดำ ส่วนราคาถ้าคิดเป็นเงินไทยจะประมาณ 18000 บาทหรือ 450 ปอนด์
  3. แบรนด์  Jean-Paul Gaultier แบรนด์นี้จะเน้นที่สีสันของตัวร่ม ซ่งจะไม่เหมือนกันแบรนด์อื่นๆ  สำหรับราคาก็เบาๆ ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 6000 บาท หรือ 500 ปอนด์
  4. แบรนด์ Fox Umbrellas  แบรนด์นี้ก็เป็นของประเทศอังกฤษ แต่พิเศษมากๆ ตรงที่รับเป็นการสั่งทำเท่านั้น โดยทางแบรนด์จะมีโครงของร่มไว้ให้ แล้วให้ผู้ซื้อเลือกสีของร่มว่าอยากได้สีอะไร สำหรับแบรนด์นี้ราคาไม่ธรรมดาเลย คิดราคาเริ่มต้นเป็นเงินไทยที่ 5800 บาทหรือ 140 ปอนด์ แต่ถ้าสั่งแบบพิเศษที่เป็นแบบเฉพาะ ราคาประมาณ 60000 บาท หรือ 1400 ปอนด์เลยทีเดียว

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน

0
คนงานถึงกับช็อคเพราะขับรถแบคโฮดันไปทับตะโขงกินคน

ได้เกิดขึ้นที่ประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีกลุ่มคนงานรุมหนึ่งที่ได้เดินทางเข้าไปในป่าพร้อมกับนำรถรถแบคโฮไปด้วยเพื่อที่จะได้ทำการเคลียร์พื้นที่เพื่อที่จะสร้างตึกใหม่หลังจากนั้นเมื่อตัดหญ้าตัดต้นไม้แถวนั้นเสร็จก็ทำการนำรถรถแบคโฮมาหัดวนไปเรื่อยๆหลังจากนั้นอยู่ๆรถแบคโฮของคนงานก็หยุดเองเหมือนกับว่ามีอะไร

ไปติดอยู่ทางคนขับที่กำลังขับรถแบคโฮอยู่นั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงสั่งให้ คนงานทุกคนช่วย พากันดูให้หน่อยหลังจากนั้นก็พบกับจระเข้ยักษ์ตัวหนึ่งซึ่งมีตัวสีออกทองสวยมากเลยค่ะ ซึ้งมีลำตัวยาวมากถึงประมาณ 4 เมตร เลยทีเดียว

ซึ่งเสียชีวิตแล้วเนื่องจากถูกรถแบคโฮของคนงานทับจนเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนรวมถึงชาว บ้านพากันถามกันไปมาว่าจระเข้ตัวนี้คือจระเข้สายพันธุ์อะไรซึ่งก็ไม่มีใครรู้เลยจึงได้ทำการโทรไปที่สำนักงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติว่าได้พบศพของจระเข้ชนิดหนึ่งซึ่งก็ไม่รู้ว่าสายพันธุ์อะไรจึงอยากให้เข้ามาดูหน่อยว่าสายพันธ์อะไร  ซึ่งหลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่เมื่อเดินทางมาถึงก็พบว่าจระเข้นี้คือสายพันธุ์ตะโขงซึ่งก็คือจระเข้ที่หาได้ยากมากในตอนนี้นอกจากนั้นตะโขงสายพันธ์นี้

กำลังใกล้ที่จะหายไปจนหมดโลกแล้ว และชาวบ้านก็ได้บอกความจริงว่า ว่าจริงๆแล้วนี่ไม่ใช่เพียงแค่ครั้ง แรกที่ได้พบกับตะโขนที่นี่ เพราะว่าจริงๆแล้วหลายเมื่อวันก่อนนี่เองได้พบกับตะโขน 2 ตัวกำลังไหว้อยู่ด้วยกันอยู่ ซึ่งทางชาวบ้านบอกว่าตอนชาวบ้านได้ไปหาปลาแล้วมันกำลังจะกินเลยลืมตัวและนำปืนไปยิงที่มันจนมันตายไปแล้ว ซึ่งก็ได้ทำไป โดยไม่ได้ตั้งใจ และนอกจากนั้นวันนี้เจ้าตะโขนตนนี้ก็ดันมาเสียชีวิตแล้ว จึงคิดว่าอาจจะหายไปหมด จากป่าบริเวณแถว ๆนี้แล้วก็เป็นได้

ซึ่งหลายๆคนกลัวมันมากเนื่องจากมันมีขนาดลำตัวที่ใหญ่มากกว่าปกติและลากคนไปกินได้เลยและเจ้าหน้าที่ก็ได้สัญญาว่าเมื่อหาเจ้าตะโขง อีกตัวเจอถ้าเกิดว่ามันยังไม่ตายก็จะทำการ ดูแลอย่างดีที่สุด  และไม่ให้มันออกมาจากกรงเพื่อมาทำร้ายคนอื่นได้อีกค่ะ ซึ้งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการบอกกับชาวบ้านไว้ว่าหากมีใครเจอตะโขงอีกรอบหนึ่งให้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ทางเจ้าหน้าที่

จะจับมันไปไว้ในกรงเองอย่าทำร้ายมาเนื่องจากมันใกล้จะหายไปจนหมดโลกแล้ว เส้นทางชาวบ้านก็ได้ทำการสัญญากับเจ้าหน้าที่ว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงการฆ่าสัตว์เหล่านี้ถ้าเกิดว่าเจอแต่ถ้ามันถึงเวลาจริงๆอย่างเช่นมันกำลังจะดึงคนไปกินแล้วก็จำเป็นที่จะต้องยิงจริงๆ

 

สนับสนุนโดย  sagame1688

0
พนักงานฟุ้ดแพนด้ากว่า 30 คนเจอลูกค้าสั่งอาหารมาส่งแล้วไม่เจอตัว

         สำหรับข่าวนี้เป็นเรื่องราวของคนที่ตั้งใจทำมาหากินประกอบอาชีพสุจริตแต่กลับต้องพบกับลูกค้าจิตป่วยพี่ต้องการจะแกล้งคนที่ต้องทำมาหากินเท่านั้นสืบเนื่องมาจากเรื่องราวในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 เดือนพฤษภาคมพศ 2563 ในช่วงเวลากลางคืนมีพนักงานส่งอาหารฟู้ดแพนด้าขี่รถมอเตอร์ไซค์ รวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายกว่า 30 คัน

โดยแต่ละคันนั้นก็มีการขนอาหารมาเต็มคันรถเลยทีเดียวซึ่งทุกคนเมื่อถึงจุดที่เดียวกันนั้นต่างก็เฝ้ารอลูกค้าที่มีการสั่งอาหารจากแพนด้าแต่หลังจากรอแล้วรอเล่าก็ไม่มีลูกค้าคนไหนออกมารับอาหารแล้วก็ไม่สามารถติดต่อกับคนที่สั่งอาหารได้อีกเลยหลังจากที่ทั้ง 30 คนไม่มีการคุยกันจึงทำให้รู้ว่าลูกค้าที่สั่งนั้นเป็นลูกค้าคนเดียวกันและมีการสั่งให้มาส่งที่จุดเดียวกันจึงทำให้รู้ว่าพวกเขาน่าจะโดนลูกค้าพี่มีอาการป่วยทางจิตแกล้งให้ไปสั่งอาหารแล้วก็ไม่ยอมรับอาหารทั้งนี้หลายคนได้อดโอยเพราะต้องใช้เงินของตนเองจ่ายค่าอาหารออกไปก่อนเมื่อมีลูกค้าปฏิเสธพวกเขาก็ต้องเสียเงินนั้นตรีรวมถึงค่าน้ำมันที่เขาต้องขับรถไปซื้ออาหารให้รวมถึงเอามาส่งให้เขาก็ไม่ได้อะไรเลย

           ปัญหาเรื่องของพนักงานส่งอาหารที่มักจะเจอลูกค้าเรื่องเยอะหรือลูกค้าแกล้งที่จะโทรมาสั่งเราไม่ยอมมารับสินค้านั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งซึ่งทุกครั้งที่มีดราม่าเกี่ยวกับเรื่องนี้เกิดขึ้นทุกคนต่างก็จะให้ตามไปยังผู้บริหารของบริษัทส่งอาหารดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นของ Grab Food หรือของแพนด้าก็ตามว่าควรจะมีมาตรการที่ดีกว่าที่ทำอยู่ในปัจจุบันเพื่อเป็นการช่วยเหลือพนักงานไม่ให้ต้องเสียเที่ยวในการขับรถไปซื้อของให้กับลูกค้าแต่ถูกลูกค้าเทอย่างเคสนี้ก็เช่นเดียวกันพนักงานของฟู้ดแพนด้ามากกว่า 30 คน

ถูกลูกค้าซึ่งอาจจะเป็นคนโรคจิตโทรมาป่วนแค่เท่านั้นเองแต่พวกเขาต้องเสียเวลาในการที่จะได้ลูกค้าคนอื่นและเสียเงินในการไปซื้อของเสียเงินในการเติมน้ำมันในการขับรถไปซื้อของแล้วมาส่งของให้ลูกค้าซึ่งเป็นการลดขวัญและกำลังใจในการทำงานของพนักงานเป็นอย่างยื่นเพราะอย่างเราก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าตอนนี้นั้นเศรษฐกิจของแต่ละคนนั้นกำลังขัดสนเรื่องเงินแต่ละบาทในการซื้อของหรือการเติมน้ำมันจึงมีค่าเป็นอย่างมาก

แต่การที่เราต้องมาทำงานฟรีๆแล้วไม่ได้ผลตอบแทนกลับมานั้นมันค่อนข้างเสียกำลังใจเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางผู้บริหารของฟู้ดแพนด้าควรจะต้องมาพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องของการให้บริการกับลูกค้าใหม่แล้วว่าควรจะมีการเรียกเก็บค่าอาหารลูกค้าก่อนที่จะมีการให้พนักงานจัดส่งของให้หรือไม่เพราะไม่เช่นนั้นก็จะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดอาจจะไม่มีใครที่มาขับรถส่งอาหารให้ก็ได้เพราะมันได้ไม่คุ้มเสีย

 

 

สนับสนุนโดย  bk888

0
สั่งเหมือนใช้ผัวไปตลาด

ลูกค้าสั่ง พนักงานGrab ให้ไปซื้อของในตลาด ลิสต์รายการ มากกว่า 20 อย่าง 

           เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมปีพศ2563 ได้มีการเผยแพร่ข้อความจากพนักงาน Grab ส่งของรายหนึ่งที่เอาข้อความรายการการสั่งซื้อของลูกค้ามาเผยแพร่รายการสินค้าที่มีการสั่งซื้อนั้น เป็นสินค้าที่ต้องเข้าไปซื้อของในตลาดสดทุกรายการซึ่งมีสินค้าที่ลูกค้าสั่งซื้อรวมทั้งสิ้นมากกว่า 20 รายการด้วยกัน มีทั้ง ต้นหอม ,มะเขือ,ไข่ไก่ และยังมีเห็ดและอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งเมื่อข้อความดังกล่าวมีการเผยแพร่ออกไปทำให้ชาวโซเชียลต่างก็มาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมากโดยหลายคนมองว่าสินค้าที่ลูกค้าสั่งนั้นสั่งค่อนข้างเยอะและที่สำคัญสั่งอย่างละนิดอย่างละหน่อย

อยู่หลายคนมองว่าเพียงแค่นั้นแม่ค้าในตลาดจะไม่ขายให้เพราะปกติแล้วการขายของในตลาดสดนั้นจะมีการสั่งกิโลค่ะและยังมีหลายคนสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของการรับสั่งของด้วยว่าเดี๋ยวนี้พนักงาน Grab รับซื้อของในตลาดสดให้กับลูกค้าได้ด้วยหรอซึ่งหลังจากเรื่องนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ออกไปอย่างกว้างขวางพนักงานคนที่นำข้อความนั้นมาโพสต์ก็ได้ออกมาชี้แจงว่ารายการสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจริงและตนเองเห็นว่ารายการสั่งซื้อนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นและดูตลกดีจะได้เอามาแชร์ให้เพื่อนๆดูแต่ว่าตัวเองก็เต็มใจที่จะซื้อของให้ลูกค้าดังนั้นจึงไม่อยากให้ใครมาต่อว่าลูกค้าที่มีการสั่งซื้อของที่ตลาดสด

ซึ่งในเรื่องของการวิจารณ์นั้นหลายคนมองว่าคนที่สั่งซื้อสินค้าแบบนี้นั้นก็อาจจะไม่มีเวลาออกมาซื้อสินค้าจริงๆก็ได้เพราะบางคนอาจจะติดธุระหรือไม่สะดวกที่จะออกมาเช่นเป็นคนพิการหรืออาจจะมีลูกอ่อนที่ต้องดูแลดังนั้นจึงต้องอาศัยให้พนักงานกราฟเป็นคนซื้อสินค้าเหล่านี้ให้ยังไงก็ดีเรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงแค่เรื่องพูดคุยกันไม่ได้มีใครเอามาเป็นกระแสดราม่าอย่างจริงจังมากนัก

      สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ที่กลายเป็นเพื่อนพูดคุยกันเพราะว่าอาจจะไม่เคยมีลูกค้าคนไหนสั่งซื้อของในตลาดสดมาก่อนเพราะโดยปกติแล้วลูกค้าจะสั่งซื้อของจาก Grab Food ด้วยกันสั่งซื้อจากร้านอาหารแล้วนำมาส่งให้เลยซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่มีลูกค้าสั่งให้พนักงานเข้าไปซื้อของในตลาดสดให้หลายคนอาจจะไม่คุ้นชินว่าสามารถทำได้หรือไม่ซึ่งพนักงานคนนี้ก็ทำให้ลูกค้าด้วยความเต็มใจเพียงแค่อยากจะเอามาแบ่งปันให้กับเพื่อนๆพนักงานด้วยกันเห็นว่าเดี๋ยวนี้ก็มีลูกค้าสั่งของแบบนี้ด้วยเท่านั้นเอง  

   บางที่การที่เอาเรื่องราวของลูกค้าออกมาเผยแพร่ก็เป็นสิ่งที่พนักงานไม่ควรกระทำเช่นเดียวกัน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ถ้าทางลูกค้ามาเห็นว่าเรื่องของตนเองเป็นข่าวดังจะมีการร้องเรียนพนักงานหรือเปล่าก็ไม่รู้

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8